รีวิวการแสดงเรื่อง “I DON’T CARE ไม่ว่าอย่างไร” (B-Floor & Residenztheater, กรุงเทพฯ, 2022)

--

เมื่อจะเขียนถึง “I DON’T CARE” ไม่ว่าอย่างไร” งานชิ้นใหม่ของ “B-Floor” ร่วมกันกับศิลปินเยอรมัน “Residenztheater” ผู้เขียนอยากเริ่มต้นจากจุดจบของละคร เมื่อนักแสดงเชื้อเชิญคนดูให้มีส่วนร่วมขว้างปาเสื้อผ้าบนราวแขวนลงกับพื้น ผู้เขียนรู้สึกว่าผู้ชมต้องทำอย่างเสียมิได้ เขิน และทำตัวไม่ถูกอยู่ไม่น้อย หากพื้นที่ทำการแสดงคือผืนผ้าใบ และองค์ประกอบอื่นๆของการแสดง ตั้งแต่ ถ้อยคำ การเคลื่อนไหว เสียง พร็อพซึ่งหนึ่งในนั้นคือเสื้อผ้าคือสีที่เตรียมไว้ในถังสำหรับให้ศิลปินสาดและปาดแปรงลงไปบนผืนผ้าใบ และนักแสดงคือศิลปินซึ่งใจกว้างพอจะให้คนดูทำงานกับเขาด้วยในช่วงท้าย มันควรจะเป็นการสาดสีและปาดแปรงอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร สาดและปาด และสาดและปาด และปาดและสาด จนในตอนจบ เราน่าจะได้เห็นภาพแอ็บแสตร็กต์ เอกเพรสชันนิสต์ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจากภายในให้เราได้สัมผัส แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นในคืนที่ผู้เขียนไปดู

สิ่งที่ชอบก็คือมันเป็นงานเขียนเกี่ยวกับใจความสำคัญเดียวคือ “บุคคลข้ามเพศ” โดยดึงเอาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับใจความสำคัญนี้มารวมกัน ใช้นักแสดงสามคนในการเล่าเรื่อง เป็นการจับคู่ที่ลงตัว คู่นี้มักจะไปกันได้เสมอ แต่งานคำต่อคำชิ้นนี้ก็ยังจืดอยู่ อาจเพราะทั้งงานเขียนหรือการกำกับยังขาดทัศนคติส่วนตัวของผู้สร้างงานว่าอยากจะเพ้นท์สีอะไร แต่ก็อาจจะเป็นเพราะการแสดงด้วยเช่นกัน ผู้เขียนไม่อยากจะพูดถึงการแสดงอย่างละเอียดในวิธีหากว่าทำแล้วไม่ได้ช่วยอธิบายประสบการณ์ที่ได้จากการดูโชว์เรื่องนั้นๆ แต่ในเรื่องนี้ผู้เขียนจะพูดถึงสักหน่อย โดยขอทำความเข้าใจว่าผู้เขียนไม่ได้มาตัดสิน และยอมรับว่าผลลัพธ์ทางการแสดงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่มากระทบกับนักแสดงในแต่ละคืน

นักแสดงทั้งสามแม้จะอยู่บนเวทีเดียวกันแต่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนอยู่กันคนละที่ แม้พวกเขาจะกำลังหาวิธีไปด้วยกันแต่มันก็ยังห่างกันอยู่มาก นักแสดงท่านหนึ่งเคลื่อนไหวเหมือนขออภัยอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลาเหมือนฝืนทน เขาแสดงเหมือน “อยู่ห่างออกมาเล็กน้อยจากร่างกายของตัวเอง และคอยเหล่ตามองหาข้อติการกระทำของเขาเองด้วยสายตาสงสัย” แบบเจมส์ จอยส์ เขียน นักแสดงอีกท่านก็ใช้เสียงได้อย่างน่ากังวลแม้จะไม่มาก แต่เป็นการดีที่จะพูดถึงเวลาที่นักแสดงเล่นละครในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ นักแสดงมักจะพยามมากเป็นพิเศษในเรื่องการออกเสียง ทำให้อวัยวะและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องทำงานงานมากจนเกร็งและไม่ได้มีความสุขกับการตามสิ่งที่ตัวเองเล่นไปเรื่อยๆ จนทำให้คนดูตามไปไม่ถูกเช่นกัน ความไม่ใยดีเสียบ้างและลีลายูรหงส์น่าจะช่วยดึงความสนใจและสร้างความสมรู้ร่วมคิดให้กับผู้เขียนได้มากขึ้นมาก

คืนนั้น ผู้เขียนมีความสุขกับวิธีคิดและองค์ประกอบพื้นฐานของการแสดงชิ้นนี้ ตั้งแต่การนำเสนอไปจนสิ่งอื่นๆที่อยู่ในฉาก แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยมากนักกับชะตากรรมของผู้ให้ถ้อยคำที่ถูกเอามาเล่า เพราะการแสดงได้ปิดกั้นเอาไว้ ในตอนท้ายเมื่อการแสดงเรียกร้องการมีส่วนร่วมมากขึ้นตั้งแต่การโหวดว่าเป็นกะเทยที่ไหนดีกว่า “ไทย” หรือ “เยอรมัน” ฉันและผู้ชมคนอื่นจึงไม่อยากจะโหวดและไม่โหวดเลยในที่สุด และเมื่อห้องมืดลงจนเกือบสนิทเหลือเพียงไฟดวงเล็กริบหรี่ส่องหน้านักแสดงเพื่อจะเผยอารมณ์ลึกในใจของบุคคลข้ามเพศ จึงได้ยินไม่ชัดและได้เห็นไม่ใกล้ชิด ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกว่าการแสดงนี้แทบไม่ได้พาเราไปถึงไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร

--

--

Radtai Lokutarapol
Radtai Lokutarapol

Written by Radtai Lokutarapol

Eventually found himself at Royal College of Art, having stumbled upon theatre; cinema; tech; luxury, torn between business and art, from LDN; PAR; MIL; BKK

No responses yet