ความปรารถนาลับที่จะหายไปของมนุษย์ใน As Tears Go By (1988, Wong Karwai)
ณ fondazione prada ยังมี cinema godard ซึ่งอยู่ชานเมืองมิลานไปแล้ว เดินทางไปค่อนข้างยาก แต่น่าจะเป็นโรงหนัง arthouse แห่งเดียวในเมืองเหงาๆ เมืองนี้ที่จะมีหนังแบบ As Tears Go By (1988) ของ Wong Kar Wai มาฉายได้ ซึ่งหนังภาษากวางตุ้งและซับไตเติ้ลอิตาเลียน แปลว่าข้าพเจ้าจะต้องอาศัยทักษะจากการเคยเรียนฟิล์มในฟิล์มสกูลที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษมาใช้เป็นญาณวิเศษในการทำความเข้าใจภาพยนตร์เรื่องนี้
มันเป็นเรื่องของ Wah (หลิวเต๋อหัว) พระเอกของเรื่อง (ซึ่งหลิวเต๋อหัวในเรื่องนี้หล่อมากจนหยุดมองไม่ได้ทุกครั้งที่ออกมา) ต้องต้อนรับ ดรุณีแรกแย้มนาม Ngor (Maggie Cheung) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาพักอยู่ด้วยในฮ่องกงสักพักหนึ่งเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลโรคอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอไอไม่ยอมหยุด
Wah มีอาชีพเป็นคนเก็บหนี้ตามบ่อน (อาชีพนี้แต่ก่อนเคยได้ยินว่าเยาวราชก็มี เดี๋ยวนี้ไม่ทราบ) ซึ่งต้องคอยช่วย Fly (Jacky Chung) นักเลงกระจอกซึ่งเติบโตด้วยกันมาเหมือนพี่น้องแท้ๆ หนีออกจากอันตรายอยู่บ่อยๆ เราทราบว่าพวกเขารักกันมากเพราะตอนที่ Fly โดนทำร้ายสาหัส หลังจาก Wah ช่วยพยาบาล Fly แล้วเขาก็ออกไปแก้แค้นโดยทันที ซึ่งเราก็จะได้เห็น slow shot เฉพาะตัวของ Wong Kar Wai อยู่เนืองๆ เรายังรู้อีกด้วยว่า Wah ไปแอบรักกะหรี่เทพธิดาบาร์ฮ่องกงอยู่นางหนึ่งซึ่งนางไม่รักตอบ แต่เรารู้ว่ามันมีความสำคัญกับตัวละคร Wah มากเอาเสียมากเลยทีเดียวกับความรักนี้
ณ จุดนี้ เรากำลังเผชิญกับคำถามถึง “อิสรภาพ” ที่เรามีอยู่ ว่าเรามีมันอยู่มากแค่ไหน ไม่ต่างกันกับ Wah ซึ่งต้องเผชิญกับความไม่ลงรอยกันของความปรารถนาและความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง กล่าวคือ เขาจะได้สร้างชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่มีใจให้ หรือเขาจะไม่สามารถละทิ้ง Fly ได้ไหม ในฉากที่มีความยาวหลายนาทีที่ Wah ใช้เวลาอยู่ลำพังเพียงสองคนกับ Ngor พร้อมกับได้ยินเพลง “Take My Breath Away”(林憶蓮 — 激情 1987)
ฉบับภาษากวางตุ้งเราก็ได้เข้าไปอยู่ในจักรวาลของความปรารถนาเบื้องลึกในตัว Wah เรียบร้อยแล้ว
ในงานเขียนเรื่อง The Critique of Judgement นักปรัชญา Immanuel Kant นามอุโฆษ กล่าวว่า “ความงามคือสิ่งที่เรามองเห็นด้วยตาแล้วทำให้ใจเราเกิดมีความสุขขึ้นมาได้” ด้วยเหตุนี้ Ngor ก็คือความงามที่ทำให้ Wah มีความสุข แต่ในขณะเดียวกันชีวิตเขาก็ต้องพบกับโศกนาฏกรรมที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่สามารถละทิ้งความจริงไว้เบื้องหลัง กล่าวคือการไล่ fly ไปขายลูกชิ้นทอด ประกอบอาชีพสุจริตนั้นทำให้ fly รู้สึกสิ้นท่า สิ้นราคา สิ้นศักดิ์ศรี แน่นอนว่าตัวละคร fly ก็ทนอยู่ในสถานการณ์นั้นไม่ได้ และก่อเรื่องขึ้นมาใหม่โดยการไปมีเรื่องกับนักเลงค่ายคู่อริ Wah ต้องคอยตามไปช่วยและที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในบรรดาทฤษฎีแปลกๆ ของ Sigmund Freud มีทฤษฎีอย่างหนึ่งกล่าวว่า “จริงๆ แล้วมนุษย์เรามีความปรารถนาที่จะตายอยู่” หมายถึงเราอยากตายไปให้พ้นๆ จากภาระต่างๆ และความเจ็บปวด รวมไปถึงความสุข และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ เพราะมันเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนและหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เราจะรับไหว ข้าพเจ้ารู้สึกว่ากรณีของ Wah เป็นไปในลักษณะนี้กล่าวคือ การเลือกที่จะทิ้ง Fly ไปสร้างชีวิตใหม่กับ Ngor นั้นก็น่าจะทำให้เขามีความสุขได้ แต่มันก็มาพร้อมกันกับความรู้สึกผิดที่จะทิ้ง Fly ไว้ และทิ้งชีวิตแบบเดิมๆ ซึ่งก่อร่างสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงที่เขาอายุ 14 ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตแบบที่เขาใช้อยู่นั้นมีความหมายบางอย่างและมีความสำคัญอย่างลึกซึ้งต่อตัวเขา
ด้วยความที่งานของ Wong Karwai ชิ้นนี้ (ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงแค่ชิ้นนี้ เราจะได้เห็นอะไรแบบนี้อีกไม่ว่าใน Happy Together, Blueberry Nights หรือเรื่องอื่นๆ) เราจะได้พบความตั้งคำถามได้ หรือไม่สมเหตุสมผลในแง่ของความเป็นจริงอยู่ เช่น ในเรืองนี้เราสามารถตั้งคำถามได้ ถึงที่มาที่ไปของตัวละคร ngor ความเป็นจริงของการถูกยิง ถูกฟัน แล้วไม่ต้องไปโรงพยาบาลเป็นต้น แต่ในโลกของตัวละครเหล่านี้ความเป็นจริงของมันไม่ได้เป็นความเป็นจริงแบบของเรา
และความสวยงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการได้เห็นความรุนแรงต่างๆ ซึ่งปรากฎออกมาในฐานะของความรู้สึกที่เราทุกคนในฐานะคนดู ซึ่งได้รับความกดดันจากการใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ถอยห่างออกมาจากหนัง จากจอภาพยนตร์ จากโรงภาพยนตร์ กลับไปตามถนนหนทาง สู่บ้านเรือนในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ได้รับความกดดัน ถูกชีวิตทุบตีทำร้าย เตะต่อยตีรันฟันแทงเหวี่ยงไปมาจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ว่าหนังนั้นมีความจริงบางอย่างซึ่งพูดกับเราโดยตรงผ่านบริบทของหนังเจ้าพ่อ-มาเฟีย ในฉากหลังของฮ่องกงในยุค 80s
มันพูดข้ามเวลามาถึงข้าพเจ้าในวันนี้ซึ่งเป็นปีที่ 4 ของทศวรรษที่ 2020s นั่งสะบักสะบอมจากการเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ขายชีวิตและวิญญานศิลปินของตนให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนคุณค่าที่กำหนดขึ้นในงบการเงินไปเรียบร้อยแล้วนั้นว่า
เมื่อถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะสามารถทำตามความปรารถนาของข้าพเจ้าได้แล้ว ข้าพเจ้าก็อาจจะรู้สึกผิดและไม่สามารถทิ้งสิ่งอื่นที่มีความหมายต่อข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้งไว้เบื้องหลัง แล้วเดินหน้าไปเพียงลำพังได้โดยง่าย ไม่สามารถรับกับอิสรภาพในชีวิตใหม่ของข้าพเจ้าได้ เช่นเดียวกับ Wah ที่ตามไปช่วย Fly เป็นมือปืนในงานสำคัญงานหนึ่งและก็ต้องจบชีวิตลง เป็นอันว่า wah ก็ได้ปลดปล่อยตัวเองจากทุกอย่างในที่สุด