Playwright’s Statement: A Cigarette Butt Named Life
ณ จุดที่รู้สึกเหงาและทรยศตัวเองที่สุด ท่ามกลางบทสนทนาที่อยู่ห่างไกลจากความเป็นตัวฉันมากของผู้คนที่มีพื้นเพและความหลังต่างกับฉันมาก ๆ ในที่ที่ห่างไกลออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอนหลายพันไมล์ ฉันหวนคิดไปถึงสมัยยังเรียนมหาลัย คิดถึงการสูบบุหรี่คุยกับเพื่อนอยู่หลังโรงละคร เราคุยกันถึงครอบครัว สังคม ปรัชญา ดนตรี อาชีพการงาน หลาย ๆ ครั้งมีหลายอย่างที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ ฝันถึงการเดินทางไปลอนดอน ที่นั่นฉันได้พบกับโรงละคร Royal Court Theatre ซึ่งเป็นที่ที่บทละครเกิดใหม่มากมายได้เปิดแสดง บทละครที่พูดถึงคนแบบเดียวกับเราที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมในโลกใบเดียวกัน ตัวละครทำให้เรานึกถึงลุง ป้า น้า อา ที่เดินปะปนกับเราในชีวิตประจำวัน เมื่อละครไม่ห่างไกลออกไปจากชีวิตจริง บทสนทนาก็อยู่ใกล้ชิดกันกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเราได้มากเช่นกัน เช่น คำถามที่ว่า “เงินซื้อความฝันได้ไหม?” “และข้อมูลตัวเลขทำให้กังวลถึงแต่ความจำเป็นจนเราใช้ชีวิตอย่างละเลยความปรารถนาที่จริงแท้จากใจของตัวเองไปหรือเปล่า?” นี่คือลักษณะเด่นของละครยุค Kitchensink ในยุคเดียวกันนี้ยังมีคณะละครชื่อ Theatre Workshop ภายใต้การนำของผู้กำกับหญิงชื่อ Joan Littlewood ซึ่งเป็นนักการละครคนแรกของอังกฤษที่เอาวงดนตรีแจ๊สขึ้นมาบรรเลงไปกับการแสดงประกอบละครเรื่อง A Taste of Honey ของ Shelah Delany นักเขียนบทที่เขียนจดหมายไปหา Littlewood เพื่อให้ช่วยกำกับละครที่สะท้อนถึงชีวิตตามเป็นจริงออกมา Littlewood น่าจะต้องการใช้ดนตรีแจ๊สเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการต่อต้านคุณค่าตามวิถีปฏิบัติสืบต่อกันมา มันคือยุคที่นักการละครมีความโกรธเคืองต่อความเป็นไปต่าง ๆ ในสังคม จนวงการละครก็ได้เดินทางไปสู่ Deadlock กล่าวคือ ละครเริ่มตอบไม่ได้ว่า นอกจากการระบายความโกรธแค้นแล้ว ละครหาเหตุผลของการดำรงอยู่ให้กับตัวมันเองมากกว่านั้นไม่ได้ เมื่อหนีจากล็อกดาวน์ในลอนดอนกลับมาตั้งหลักที่กรุงเทพฯ จังหวะความจำเป็นของชีวิตได้พัดพาฉันให้ไกลห่างออกจากอดีตออกไปเรื่อย ๆ จนในวันหนึ่งก็เกิดคำถามว่า แต่ทำไมเรายังรู้สึกว่าชีวิตอยู่หนอื่น ในความหมายที่ว่าตัวฉันอยู่ตรงนี้ แต่ข้างในฉันมันไม่ใช่แบบนี้ เหมือนเป็นปลาน้ำจืดที่ไปว่ายอยู่ในน้ำเค็ม ฉันต้องใช้ชีวิตต่อไป แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันต้องไปต่อที่ไหนและไปเพื่ออะไร ฉันคิดถึงบทสนทนากับมนุษย์หลังโรงละคร มนุษย์ที่ถูกฝึกให้ตั้งคำถาม มนุษย์ที่ร่ำเรียนมาในทางศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ วิชาซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตเพราะถูกมองว่าเอาไปทำให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจไม่ได้ วิกฤตเดียวกันนี้ได้สร้างพลังการฉุดดึงของความจำเป็น ซึ่งพรากความสัมพันธ์ของพวกเรา พวกเขา และพวกคุณเองกับใครสักคนที่พวกคุณอาจจะนึกถึงอยู่ในตอนนี้ ให้ห่างออกจากกัน เหมือนไฟที่ไหม้บุหรี่จนหมดมวนเหลือแต่ก้น ทิ้งไว้แต่ร่องรอยสลักจิตติดตรึงใจ นึกถึงทีไรก็ให้รู้สึกหวานอมขมกลืน ความทรงจำของคนที่มีความหมายลึกซึ้งที่เราเคยได้พบ ใช้เวลาร่วมกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างคนต่างทิ้งอะไรบางอย่างไว้ในชีวิตของแต่ละคน ตั้งแต่เรื่องของความเชื่อ ความรู้สึกนึกคิด หนังสือที่อ่าน เพลงที่ฟัง อาหารที่กิน จังหวัดที่ไปเที่ยว และยังส่งอิทธิพลต่อหนทางที่เลือกเดินในปัจจุบันอีกด้วย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การตัดสินใจเกิดขึ้นจากการยอมรับหรือปฏิเสธความคิดเห็น เรามีสิทธิปฏิเสธความคิดเห็นและความเชื่อของคนอื่นได้ ความสำเร็จเป็นเรื่องของสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองอีกอย่างหนึ่ง และอีกคนหนึ่งก็มองมันต่างออกไป และด้วยการปฏิเสธความคิดเห็น แม้แต่ความเชื่อของตัวเอง บางทีอาจเป็นหนทางที่จะนำพาเราให้เดินไปในเส้นทางที่เข้าใกล้หนทางที่เราต้องการจะเดินไปได้จริง ๆ
At the point where I felt the loneliest and most betrayed by myself, amid conversations far removed from my true self with people whose backgrounds and pasts were vastly different from mine, in a place thousands of miles from my hometown, I found myself reminiscing about my university days. I remembered smoking and chatting with friends behind the theater. We talked about family, society, philosophy, music, careers. Often, many things didn’t need to be said to be understood. I dreamed of traveling to London, where I discovered the Royal Court Theatre, a place where many new plays were staged. These plays spoke about people like us, living in the same world. The characters reminded us of the uncles, aunts, and relatives who mingled with us in our daily lives. When the play wasn’t distant from real life, the conversations closely related to our lives as well, raising questions like “Can money buy dreams?” and “Do numbers and data make us so anxious about necessities that we neglect our true desires?” This was a hallmark of the Kitchensink drama.
Around the same era, there was a theater group called Theatre Workshop, led by a female director named Joan Littlewood, the first British theater artist to incorporate a jazz band into the performance of Shelah Delany’s play, A Taste of Honey. Delany had written to Littlewood asking her to direct a play that reflected real life. Littlewood likely wanted to use jazz music as a symbol of rebellion against traditional values. It was a time when theater artists were angry about societal conditions, leading the theater scene into a deadlock. Plays struggled to find a purpose beyond expressing anger.
After escaping the lockdown in London and returning to Bangkok to regroup, life’s necessities gradually distanced me from my past. One day, I wondered why I still felt like my life was elsewhere, as if I were a freshwater fish swimming in saltwater. I had to keep living, but I wasn’t sure where to go or what for. I missed the conversations with people behind the theater, people trained to question, educated in the arts and humanities, fields now facing a crisis because they’re seen as economically unproductive. This crisis created a force of necessity, pulling apart our relationships, yours, and even those with someone you might be thinking of now, like a cigarette burning down to its butt, leaving only a trace etched in the mind. The memories of deeply meaningful people we once met, spent time with, and lived with, each leaving something in the lives of others, from beliefs and thoughts to books read, music listened to, food eaten, and places traveled, influencing our current paths in one way or another. Decisions come from accepting or rejecting opinions. We have the right to reject others’ views and beliefs. Success is a matter of perspective; one sees it one way, another sees it differently. And by rejecting opinions, even our own beliefs, perhaps we might find a path closer to where we truly want to go.